ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
คปภ. ประกาศปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) สูงสุด 20 ล้านบาทต่อครั้ง ไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย
ถ้ากล่าวถึงประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “พ.ร.บ. รถ” ซึ่งย่อมาจาก “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” เป็นประกันภัยที่กฎหมายบังคับให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกคัน ทุกประเภท ต้องมีไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถจะได้รับการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกก็ตาม
โดยประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 และมีการแก้ไขเพิ่มเติม ปัจจุบันเป็นแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ. 2551 ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวมักจะเป็นเรื่องของ “เงื่อนไขความคุ้มครอง” เพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างสูงสุด
ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา เป็นกรณีศึกษาสำคัญที่ พ.ร.บ. รถยนต์ เยียวยาผู้ประสบภัย
สืบเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 รถบัสโดยสารไม่ประจำทางซึ่งอยู่ระหว่างนำนักเรียนและครูเดินทางทำกิจกรรมทัศนศึกษา เกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะวิ่งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก วงเงินความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ. รถยนต์) ฉบับปัจจุบันไม่เพียงพอ ต่อการเยียวยาผู้เสียหายและครอบครัวของผู้เสียชีวิต
จากเหตุการณ์นี้ทำให้นักเรียนรวมคุณครูเสียชีวิต จำนวน 23 ราย บริษัทประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ. รถยนต์) จำนวน 500,000 บาท/คน รวมจำนวน 11,500,000 บาท แต่เนื่องจากวงเงินความคุ้มครองสำหรับรถจดทะเบียนเกิน 7 ที่นั่งมีจำนวน 10,000,000 บาท/ครั้ง ดังนั้นผู้ประสบภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยรวมกันไม่เกิน 10,000,000 บาท
แต่กรณีนี้ ทางบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด มีจ่ายค่าสินไหมให้คนละ 500,000 บาท เนื่องจากจรรยาบรรณในการทำธุรกิจประกันภัย ไม่อย่างนั้นทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมคนละ 434,782 บาท ตามวงเงินคุ้มครอง ต่อครั้ง ไม่เกิน 10 ล้านบาท
กรณีเพิ่มเติม: รถบัสศึกษาดูงานพลิกคว่ำ จ.ปราจีนบุรี (26 กุมภาพันธ์ 2568)
อีกหนึ่งเหตุการณ์อุบัติเหตุใหญ่ในปี 2568 คือ กรณีรถบัสโดยสารสองชั้นนำคณะศึกษาดูงานจากจังหวัดบึงกาฬ เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 29 ราย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตรวจสอบพบว่ารถบัสดังกล่าวทำประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคบังคับ (พ.ร.บ. รถยนต์) ไว้กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
รายละเอียดการชดใช้ค่าสินไหม พ.ร.บ. รถยนต์:
1. ความคุ้มครองตามประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ. รถยนต์):
ค่าสินไหมสำหรับผู้เสียชีวิต: 500,000 บาท/คน × 18 ราย = 9,000,000 บาท
ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้บาดเจ็บ: 80,000 บาท/คน × 29 ราย = 2,320,000 บาท
รวมทั้งสิ้น 11,320,000 บาท ซึ่งเกินวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้ง ที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. รถยนต์คือ 10,000,000 บาท
จากอุบัติเหตุครั้งสำคัญ คปภ. จึงปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครอง พ.ร.บ. รถยนต์
ด้วยเหตุนี้ สำนักงาน คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ได้เร่งดำเนินการออก ประกาศฉบับใหม่ เพื่อยกระดับความคุ้มครองของทั้งประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ. รถยนต์) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ให้ครอบคลุมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และเพิ่มหลักประกันความมั่นคงให้กับประชาชน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 51/2568 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เรื่อง ให้แก้ไขแบบ ข้อความ ของกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ดังต่อไปนี้
จากประกาศนี้จะปรับวงเงินความคุ้มครอง พ.ร.บ. รถยนต์
วงเงินความคุ้มครอง พ.ร.บ. รถยนต์ สูงสุด ต่อครั้ง
สำหรับรถยนต์จดทะเบียน ไม่เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิม 5,000,000 บาท/ครั้ง
ปรับเป็น ไม่เกิน 20,000,000 บาท/ครั้ง
สำหรับรถยนต์จดทะเบียน เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิม 10,000,000 บาท/ครั้ง
ปรับเป็น ไม่เกิน 20,000,000 บาท/ครั้ง
โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย และให้มีผลบังคับใช้ทันทีกับทุกกรมธรรม์ ทั้งกรมธรรม์ที่ยังมีผลคุ้มครองและกรมธรรม์ที่ทำสัญญาใหม่ โดยกำหนดให้ บริษัทประกันวินาศภัยต้องใช้แบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยให้เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
เพิ่มความคุ้มครองสูงสุดประกันภาคสมัครใจ
ประกาศปรับปรุงความคุ้มครอง “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” ฉบับใหม่ กำหนดวงเงินความคุ้มครองขั้นต่ำต่อครั้งในหมวดความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทุกประเภทรถ เริ่ม 1 ม.ค. 2569
คปภ. กำหนดวงเงินความคุ้มครองขั้นต่ำต่อครั้งในหมวดความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทุกประเภทรถ โดยให้เริ่มมีผลใช้บังคับกับกรมธรรม์ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
สืบเนื่องจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
รถบัสโดยสารไม่ประจำทาง ซึ่งนำนักเรียนและครูเดินทางไปทำกิจกรรมทัศนศึกษา เกิดเพลิงไหม้ขณะวิ่งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต เป็นเหตุ/ให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดของวงเงินความคุ้มครองตามประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในปัจจุบัน ที่ไม่สามารถรองรับการเยียวยาผู้เสียหายและครอบครัวได้อย่างเพียงพอและเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการปรับปรุงและประกาศใช้ความคุ้มครองฉบับใหม่ เพื่อยกระดับการดูแลผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีนักเรียนและคุณครูเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 23 ราย
รถบัสดังกล่าวทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก กำหนดไว้ที่ 500,000 บาทต่อคน และไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตมีมากถึง 23 ราย ทำให้ทายาทของผู้เสียชีวิตแต่ละรายได้รับค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยเพียงรายละ 434,782 บาท ซึ่งเป็นผลจากการจำกัดวงเงินความคุ้มครองรวมต่อครั้งไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์เดิม
ทั้งนี้ ยังไม่รวมความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ ซึ่งให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง โดยจ่ายค่าสินไหมทดแทนในอัตราคนละ 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,150,000 บาท (50,000*23)
ทั้งนี้ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) แสดงความตั้งใจให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษ โดยประสงค์จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมจากวงเงินความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เป็นจำนวนคนละ 500,000 บาท เต็มจำนวน รวมเป็น 11,500,000 บาท เพื่อบรรเทาครอบครัวของผู้เสียชีวิต
หากอ้างอิงตามความคุ้มครองเดิม ทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจรวม คนละ 484,782 บาท โดยแบ่งเป็น
ค่าสินไหมทดแทนจากความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก ตามประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จำนวน 434,782 บาท
ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตจากความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ จำนวน 50,000 บาท
เหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนที่ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ
ในอดีตที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรงที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากหลายกรณี หนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่งรถตู้โดยสารสายกรุงเทพฯ–จันทบุรี พุ่งข้ามเลนไปชนกับรถกระบะบนถนนสาย 344 (บ้านบึง–แกลง) ส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วทั้งสองคัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 25 ราย แบ่งเป็นผู้โดยสารในรถตู้ 14 ราย และในรถกระบะ 11 ราย
เหตุการณ์นี้นับเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมทางถนนที่สะเทือนขวัญ และสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะ
จากการตรวจสอบพบว่า
รถตู้โดยสาร ได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 3 กับบริษัท พุทธธรรมประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก วงเงิน 300,000 บาทต่อคน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง
ตามกฎหมายในปัจจุบัน ความคุ้มครองในหมวดเงื่อนไขสำหรับบุคคลภายนอกกำหนดที่ไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท (คำสั่งนายทะเบียน-คู่มือตีความ หน้า66) ทำให้ทายาทของผู้เสียชีวิตแต่ละรายได้รับค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยเพียงรายละ 400,000 บาท ซึ่งเป็นผลจากการจำกัดวงเงินความคุ้มครองรวมต่อครั้งไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาท (500,000*25 = 12,500,000 ) ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์เดิม
สำนักงาน คปภ. เร่งดำเนินการออกประกาศปรับปรุงความคุ้มครอง “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” ฉบับใหม่
ด้วยเหตุนี้ สำนักงาน คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ได้เร่งดำเนินการออก ประกาศฉบับใหม่ เพื่อยกระดับความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ให้ครอบคลุมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และเพิ่มหลักประกันความมั่นคงให้กับประชาชน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 51/2568 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เรื่อง ให้แก้ไขแบบ ข้อความของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โดยกำหนดให้ปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้ง ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ให้มีจำนวนเงินขั้นต่ำต่อครั้งไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เพื่อรองรับกรณีเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจำนวนมาก โดยให้เริ่มมีผลใช้บังคับกับกรมธรรม์ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
กำหนดวงเงินความคุ้มครองขั้นต่ำต่อครั้งในหมวดความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทุกประเภทรถ
ชีวิต ร่างกาย: สูงสุด เดิม ขั้นต่ำ 500,000 บาท/คน ไม่เกิน 10,000,000 บาท/ครั้ง เป็นขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 20,000,000 บาท/ครั้ง
จุดประสงค์ของการปรับปรุง ความคุ้มครอง “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” ฉบับใหม่ล่าสุด
เพื่อ ยกระดับการคุ้มครองชีวิตและร่างกายของประชาชน ในกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก
เพื่อ แก้ไขข้อจำกัดของวงเงินคุ้มครองต่อครั้ง ซึ่งในอดีตไม่เพียงพอต่อการชดเชยความเสียหายจากอุบัติเหตุในลักษณะหมู่คณะ เช่น รถบัสโดยสาร, รถตู้, หรือรถโรงเรียน
เพื่อ สร้างหลักประกันที่มั่นคงยิ่งขึ้น ให้แก่ทายาทและครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โดยลดภาระการเฉลี่ยวงเงินคุ้มครองในกรณีที่มีผู้ประสบภัยจำนวนมากในเหตุการณ์เดียวกัน
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ฉบับใหม่ จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการคุ้มครองประชาชนบนท้องถนนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยมีหลักคิดสำคัญคือการให้ความสำคัญกับ “ชีวิตคนไทย” เป็นหัวใจของการคุ้มครองอย่างแท้จริง